การแต่งตั้งข้าราชการการเมืองแบบไม่ดูไม่แคร์ใคร จนเกิดเรื่องน่าละอายที่สะท้อนถึงความไม่ใส่ใจในการแก้ปัญหาคอร์รัปชันของประเทศและเสียงครหาเรื่องปูนบำเหน็จพรรคพวก วางเครือข่ายพวกพ้อง และซื้อขายตำแหน่ง แม้จะกลับลำยกเลิกแต่ก็เรียกแขกสร้างความผิดหวังให้สังคมเป็นอย่างมาก
คดีปั่นหุ้นที่บุคคลที่ถูกแต่งตั้งกำลังถูกดำเนินคดีอยู่นี้ เป็นการกระทำที่เอาเปรียบผู้อื่นและเป็นการซื้อขายที่ไม่เป็นธรรม เกิดขึ้นกับหลายบริษัทซ้ำแล้วซ้ำอีกและเชื่อว่าในอนาคตก็จะเกิดขึ้นอีกเหมือนเดิม แสดงถึงความไม่ซื่อสัตย์ ขาดจริยธรรมและจรรยาบรรณในวิชาชีพ ส่งผลกระทบอย่างมากในการแก้ปัญหาธรรมภิบาลและการแก้ปัญหาคอร์รัปชันในภาคธุรกิจ
ถ้าเราไม่จริงจังในการเล่นงานเอาผิดคนโกงแถมยังยอมให้มีตำแหน่งทางการเมือง ย่อมส่งผลร้ายต่อความเชื่อมั่นของบริษัทจดทะเบียนไทยทั้งหมดและกลายเป็นตัวฉุดรั้งความก้าวหน้าของประเทศต่อไป
จำเป็นว่า การเอาชนะคอร์รัปชันของประเทศต้องแก้ทั้งในภาครัฐ ภาคธุรกิจและภาคประชาชนไปพร้อมกัน โดยทุกภาคส่วนของสังคมต้องเป็นกลไกในการต่อสู้กับการทุจริตคดโกง
ขอย้ำว่า ‘เราทุกคนมีหน้าที่ในการต่อสู้ ต่อต้านร่วมกัน หากหน่วยใดละเลยหน้าที่ก็อาจส่งผลถึงเป้าหมายที่เราได้ร่วมกันกำหนด’ พลังแห่งความร่วมมือและการยืนหยัดในจุดยืนเท่านั้นที่จะทำให้เรามีโอกาสมากขึ้นในการเอาชนะคอร์รัปชันของประเทศ[1]
หวังเป็นอย่างยิ่งว่า “รัฐมนตรีทั้งคณะ” จะเข้าใจประเด็นสำคัญนี้ ไม่เช่นนั้นจะเกิดเหตุการณ์ ‘สงสารประเทศไทย’ ขึ้นซ้ำแล้วซ้ำอีกจากฝีมือกลุ่มนักการเมืองที่ขาดความรับผิดชอบ
มานะ นิมิตรมงคล
เลขาธิการ องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย)
ข้อมูลอ้างอิง :- ACT